Cr. มติชน และประชาชาติธุรกิจ 10 พฤษภาคม 2559
นายปานฑพ มาลากุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ร.ฟ.ท.ได้นำพื้นที่ในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างรายได้ให้สูงขึ้น โดยในช่วง 4 ปีนี้ (ระหว่างปี 2559-2562) มีโครงการที่จะพัฒนารวม 40 โครงการ หรือพัฒนาพื้นที่ปีละ 10 โครงการ คาดว่าจะสร้างรายได้รวมให้กับ ร.ฟ.ท.ประมาณ 2,539 ล้านบาท นอกเหนือจากโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังดำเนินการ เช่น สถานีกลางบางซื่อ สถานีแม่น้ำย่านคลองเตยเนื้อที่รวมประมาณ 260 ไร่ มูลค่าที่ดิน 10,400 ล้านบาท และบริเวณ กม.11 ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังอาคารศูนย์พลังงานแห่งชาติ (เอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์) ขนาด 359 ไร่ มูลค่าที่ดิน 18,300 ล้านบาท
นายปานฑพกล่าวว่า ทั้งนี้โครงการที่พัฒนาปีละ 10 โครงการ แบ่งเป็นปี 2559 มี 124.9 ไร่ ประกอบด้วย ในพื้นที่ อ. อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 1.6 ไร่ จ.ขอนแก่น 18 ไร่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ 7.3 ไร่ จ.กาญจนบุรี 35 ไร่ จ.เชียงใหม่ 30.5 ไร่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 27 ไร่ จ.ตรัง 1.9 ไร่ และพื้นที่เทิดพระเกียรติ 3.6 ไร่ คาดว่าจะได้ค่าธรรมเนียมในการจัดประโยชน์ประมาณ 207 ล้านบาท และผลตอบแทนหรือค่าเช่ารายปี 205 ล้านบาท
นายปานฑพกล่าวว่า สำหรับปี 2560 มีโครงการที่พัฒนา 83.6 ไร่ ที่ จ.กาญจนบุรี จ.ลำปาง จ.เชียงใหม่ และ จ.นครราชสีมา โดยคาดว่า ร.ฟ.ท.ได้รับค่าธรรมเนียม 110 ล้านบาท และผลตอบแทนประมาณ 205 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 พัฒนาพื้นที่ 55.2 ไร่ ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จ.ลำปาง จ.เชียงใหม่ และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ส่งผลให้ ร.ฟ.ท.ได้ค่าธรรมเนียมการให้เช่า 331 ล้านบาท และผลตอบแทน 1,004 ล้านบาท ส่วนปี 2562 พัฒนาพื้นที่ 147 ไร่ คือ ที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จ.ลำปาง และ จ.ขอนแก่น ได้ค่าธรรมเนียม 189 ล้านบาท และผลตอบแทน 286 ล้านบาท
นายปานฑพกล่าวว่า ทั้งนี้ปัจจุบัน ร.ฟ.ท.มีพื้นที่ดินทั้งหมด 243,000 ไร่ แต่มีพื้นที่ที่มีศักยภาพประมาณ 36,000 ไร่ และสามารถหาประโยชน์ได้สูง 7,500 ไร่ ที่เหลือจะเป็นพื้นที่เขตทาง พื้นที่ให้อาศัยสิทธิทำสวน และถนน เป็นต้น