Cr. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 26 มกราคม 2559
นายหลิน กว่าง จุงอลัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก แต่ประเทศไทยยังมีโอกาสในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากราคาที่ดินของไทยถูกกว่าจีน 20% ถูกกว่าฮ่องกง สิงคโปร์ 60% บริษัทตั้งเป้าบริหารงานขายโครงการมูลค่ารวม 2.5 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โดยพอร์ตใหญ่ที่น่าสนใจมาจากโครงการอสังหาฯ 2 แห่งในประเทศอังกฤษ นอกจากพอร์ตในประเทศไทย รวมทั้งวางแผนการตลาดเชิงรุกดึงนักลงทุนอังกฤษและจีนมาลงทุนอสังหาฯ เมืองไทย
สำหรับพอร์ตบริหารงานขายโครงการต่างประเทศ มีที่ประเทศอังกฤษ ได้แก่ บริษัท Polaris Capital Public Company Limited ลงทุนคอนโดมิเนียมแบรนด์เชอร์วูด มูลค่าโครงการ 7,000 ล้านบาท กับโครงการมิกซ์ยูสที่เมือง Kent ที่ดินรวม 70 ไร่ มีทั้งบ้านเดี่ยว โรงแรม รีสอร์ท จำนวน 200 หลัง มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดประเทศไทย บริษัทสรุปภาพรวมตลาดปี 2558 ว่า แนวราบมีการเปิดตัวโครงการ 4.7 หมื่นหน่วย เพิ่ม 4% จากปีก่อน ทำเลเปิดสูงสุด 5 อันดับแรก คือ บางกรวย-บางไทร 6,300 หน่วย, สมุทรปราการ 5,300 หน่วย, พระโขนง-บางนา 4,900 หน่วย, ลำลูกกา-คลองหลวง 4,800 หน่วย, มีนบุรี-หนองจอก 4,400 หน่วย
ด้านแนวสูงมีการเปิดตัวโครงการ 6.5-6.7 หมื่นหน่วย ลดลงจากปี 2557 กว่า 10% กลุ่มเปิดตัวสูงสุดคือราคายูนิตละ 2 ล้านบาท รองลงมาคือ 3-5 ล้านบาท และ 5 ล้านบาทขึ้นไปมีจำนวนไม่มาก ได้แก่ นนทบุรี 10,000 หน่วย, สมุทรปราการ 8,000 หน่วย, ห้วยขวาง-จตุจักร 7,000 หน่วย, กรุงเทพ-ฝั่งธน 6,500 หน่วย, สุขุมวิทตอนต้อน 4,000 หน่วย แนวโน้มการเปิดตัวหน่วยขายใหม่ทั้งปี 2559 น่าจะใกล้เคียงปี 2558 แบ่งเป็นแนวราบ 4.7 หมื่นหน่วย คอนโดฯ 6.5 หมื่นหน่วย
"ประเมินอสังหาฯ ปีนี้คาดว่าตลาดจะทรงตัว ทำเลที่มีการเติบโตจะอยู่แนวรถไฟฟ้าสายที่เปิดเดินรถ คือ สายสีม่วง และทำเลที่เป็นย่านธุรกิจ เช่น สุขุมวิท สาทร สีลม ราคาที่ดิน 3 ปีที่ผ่านมาสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 30-40% โฟกัสรายทำเลจะเห็นว่าราคาคอนโดเส้นราชดำริ สุขุมวิท หลังสวน เฉลี่ย 250,000 บาท/ตร.ม. สูงกว่าปีก่อน 10%, ทำเลซอยอารีย์ พระราม 3 ริมแม่น้ำ ราคาเฉลี่ย 150,000-250,000 บาท/ตร.ม. สูงกว่าปีก่อน 8% และทำเลแนวรถไฟฟ้าสายใหม่ สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดง สูงกว่าปีก่อน 12%"