Cr.ฐานเศรษฐกิจ 3 มิถุนายน 2559
ดีเวลอปเปอร์เดินหน้าลุยตลาดคอนโดฯลักชัวรีและซุเปอร์ลักชัวรี สวนทางเศรษฐกิจ ซีบีอาร์อี เผยพบพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ดูโปรโมชันคุ้มค่า/เน้นโครงการที่มีจำนวนหน่วยไม่มาก เลี่ยงการแข่งขันเพื่อปล่อยเช่า
ยอดขายคอนโดมิเนียมในย่านใจกลางกรุงเทพ จำแนกตามระดับ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2559
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า จากการที่บริษัทได้ทำงานร่วมกับโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีในย่านใจกลางเมือง ซึ่งมีราคาขายต่อหน่วยมากกว่า10 ล้านบาท ทำให้พบว่าผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและนักลงทุนระยะยาวมีงบประมาณที่เพิ่มสูงขึ้นและต้องการห้องชุดที่ขนาดใหญ่มากขึ้น
หากพิจารณาจากการซื้อขายคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีที่มีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ที่ผ่านซีบีอาร์อี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2558 ถึงเดือนเมษายน 2559 พบว่า ธุรกรรมที่มีมูลค่าระหว่าง 10 – 20 ล้านบาทนั้นคิดเป็น 51% ของธุรกรรมทั้งหมด ขณะที่ธุรกรรมที่มูลค่าระหว่าง 20 – 40 ล้านบาท คิดเป็น 27% และธุรกรรมที่มูลค่ามากกว่า 40 ล้านบาท คิดเป็น 21% แสดงให้เห็นว่าความต้องการในตลาดระดับบน ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งงบประมาณยังเพิ่มสูงขึ้น โดยความต้องการห้องชุดที่มีขนาดใหญ่ยังเพิ่มมากขึ้น จากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่อพักอาศัยเอง ซึ่งปริมาณความต้องการห้องชุดขนาด 2 – 3 ห้องนอนมีมากที่สุด คิดเป็น 56% ของธุรกรรมการซื้อขายที่พักอาศัยระดับลักชัวรีของซีบีอาร์อีในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
“ด้วยภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวในปีนี้ บรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ จึงไม่คึกคักมากนัก และนักลงทุนเองก็มีความระมัดระวังมากขึ้น นอกจากนี้ ตลาดทุนยังคงมีความผันผวนและไม่ได้ฟื้นตัวอย่างชัดเจนตามที่คาดการณ์ไว้ จากข้อสังเกตของเราพบว่า ผู้ซื้อที่มีเงินสดจำนวนมากในมือมองว่าที่พักอาศัยระดับหรูในย่านใจกลางเมืองเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย ที่สามารถพักเงินไว้ได้ในระยะยาว”
สำหรับการแข่งขันของตลาดในระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีในปีนี้ ถือว่ายังคงมีการแข่งขันที่สูงมาก ขณะที่ความต้องการของผู้ซื้อเริ่มเปลี่ยนไป จากเดิมปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อพิจารณาเป็นหลักประกอบด้วย 3 เรื่อง คือ ทำเลที่ตั้ง การออกแบบโครงการ การเลือกใช้วัสดุ สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ และราคา ทว่าในปัจจุบันผู้ซื้อให้ความสำคัญมากขึ้นในเรื่องความสามารถในการแข่งขัน ตัวอย่างเช่น นักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่าจะนิยมโครงการที่มีจำนวนยูนิตไม่มากนัก เพื่อลดการแข่งขันในการปล่อยเช่า นอกจากนี้ โปรโมชันยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญ เนื่องจากผู้ซื้อต้องการที่จะมั่นใจว่าตนได้รับข้อเสนอและโปรโมชันที่ดีที่สุดในตลาด
ทั้งนี้ จากข้อมูลขอฝ่ายวิจัยคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย พบว่า คอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในไตรมาส 1/2559 มีประมาณ 7,353 หน่วย มากกว่าไตรมาส 4/2558 ประมาณ 24% โดยโครงการเปิดขายใหม่ส่วนใหญ่เป็นของผู้ประกอบการรายเล็ก-กลาง และหน้าใหม่ โดยมีจำนวนรวมกันประมาณ 2,697 หน่วยจากทั้งหมด 14 โครงการ โดยตลาดคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตรขึ้นไปยังเป็นที่สนใจของตลาด ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งหมดประมาณ 3,393 หน่วย อัตราการขายอยู่ที่ 65% นางสาวอลิวัสสา กล่าว
และจากการสำรวจของ”ฐานเศรษฐกิจ”พบว่าในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับบนที่เปิดตัวมี บริษัท นายณ์ เอสเตท จำกัด เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี KRAAM (คราม) มูลค่า 3.5พันล้านบาท จำนวน 128 หน่วย ด้วยราคาขายเฉลี่ย 2.75 แสนบาทต่อตารางเมตรหรือราคาเริ่มต้นที่กว่า 15 ล้านบาทต่อหน่วย อีกรายบริษัท ปัญจพล พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดตัวโครงการ คราฟ เพลินจิต คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี สูง 8 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 387 ตารางวา จำนวน 90 หน่วย เปิดขายราคาเริ่มต้น 7.2 -20 ล้านบาท และ Penthouse 1ห้อง ราคา 29 ล้านบาท หรือเฉลี่ยราคาขายที่ 1.9 -2 แสน บาทต่อตารางเมตร
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,162 วันที่ 2 – 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559