Cr. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 26 มกราคม 2559
บมจ.ฮาริสัน โบรกเกอร์ร่วมทุนฮ่องกง-ไทย ปี′59 กำหนดแผนงานเน้นดึงบริษัท-กองทุนจีนแผ่นดินใหญ่จอยต์เวนเจอร์ในไทยเพิ่ม ผลักดันเป้ายอดขายสูง 2.5 หมื่นล้านบาท ด้านตลาดอสังหาฯ เผยข้อมูลปี 2558 เปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่ม 4% แนวสูงลด 10% ราคาคอนโดฯปรับตัวขึ้น 8-12% ใน 3 ทำเลสำคัญ แนวรถไฟฟ้าสายใหม่-สุขุมวิทตอนต้น-พระราม 3
นายหลิน กว่าง จุง อลัน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฮาริสัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2559 บริษัทฯจะเน้นแผนงานเป็นที่ปรึกษาการร่วมทุนของผู้ประกอบการต่างชาติกับผู้ประกอบการไทยในธุรกิจอสังหาฯเพิ่มขึ้น โดยปีที่ผ่านมาเป็นตัวแทนเจรจาการจอยต์เวนเจอร์ประมาณ 4-5 ดีล และประสบความสำเร็จ 2 ดีล มองว่าปีนี้น่าจะมีบริษัทต่างชาติที่ต้องการมาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น ขณะนี้เป็นตัวแทนการเจรจาร่วมทุนแล้ว 7-8 ดีล มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งจากสาขารับเหมาก่อสร้าง ดีเวลอปเปอร์ บริษัทกองทุน และบริษัทเทคโนโลยีก่อสร้างและวัสดุ ที่ต้องการมาลงทุนในไทย เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัว และภาครัฐจีนชะลอการลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทำให้มองหาโอกาสการลงทุนต่างประเทศแทน โดยไทยเป็นเป้าหมายหนึ่งเพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างสม่ำเสมอ อสังหาฯให้เช่าสามารถสร้างกำไร 7-8% และอสังหาฯเพื่อขายมีกำไรประมาณ 15% ต่อโครงการ
สำหรับการดำเนินงานเจรจาร่วมทุนปี′58 ประสบความสำเร็จ 2 รายการ คือ บมจ.โพลาริสแคปปิตัล ร่วมลงทุนกับบริษัทอสังหาฯในอังกฤษ ซื้อและรีโนเวตแฟลต เชอร์วูด จำนวน 48 ยูนิต ในกรุงลอนดอน มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท จะเริ่มเปิดขายเดือนมี.ค.นี้ โดยฮาริสันเป็นตัวแทนขาย (sole agent) โควตาในประเทศไทย และอีกรายการเป็นการเจรจาบริษัทจีนเพิ่มทุนในบมจ.เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้
นายหลินกล่าวว่า ปีนี้บริษัทฯจึงตั้งเป้ายอดขายโครงการที่เป็นตัวแทนขาย 2.5 หมื่นล้านบาท มาจาก
1. 10 โครงการใหม่ในประเทศไทย มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท 2.10 โครงการเดิมในประเทศไทย มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท 3.โครงการจากการร่วมทุน 5,000 ล้านบาท 4.โครงการเชอร์วูดในอังกฤษมูลค่า 7,000 ล้านบาท (ฮาริสันเป็นตัวแทนขายบางส่วน)
นายหลินกล่าวต่อไปว่า ด้านข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2558 มีการเปิดตัวสูงสุดแบ่งตามทำเล ดังนี้ 1.แนวราบ มีการเปิดตัวโครงการ 4.7 หมื่นหน่วย เพิ่มขึ้น 4% จากปี′57 มีการเปิดตัวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บางกรวย-บางไทร 6,300 หน่วย, สมุทรปราการ 5,300 หน่วย, พระโขนง-บางนา 4,900 หน่วย, ลำลูกกา-คลองหลวง 4,800 หน่วย, มีนบุรี-หนองจอก 4,400 หน่วย
2. แนวสูง มีการเปิดตัวโครงการ จำนวน 6.5-6.7 หมื่นหน่วย ลดลงจากปี′57 กว่า 10% กลุ่มราคาที่มีจำนวนยูนิตเปิดตัวมากที่สุดคือ ราคา 2 ล้านบาท รองลงมาคือ กลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ส่วน 5 อันดับทำเลเปิดตัวคอนโดฯสูงสุด ได้แก่ นนทบุรี 10,000 หน่วย, สมุทรปราการ 8,000 หน่วย, ห้วยขวาง-จตุจักร 7,000 หน่วย, กรุงเทพฯฝั่งธนบุรี 6,500 หน่วย, สุขุมวิทตอนต้น 4,000 หน่วย
ด้านการปรับราคาคอนโดมิเนียมช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำเล 3 อันดับแรกที่ปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ 1.แนวรถไฟฟ้าสายใหม่ (สายสีม่วง เตาปูน-บางใหญ่, สีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่, สีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ, สีแดง บางซื่อ-รังสิต) ปรับขึ้น 12% ปัจจุบันราคาเฉลี่ยตร.ม.ละ 8 หมื่นบาท 2.สุขุมวิทตอนต้น, หลังสวน, ราชดำริ ปรับขึ้น 10% ราคาเฉลี่ย 2.5 แสนบาท/ตร.ม. 3.อารีย์, พระราม3โซนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ปรับขึ้น 8% ราคาเฉลี่ย 1.5-2.5 แสนบาท/ตร.ม. ซึ่งคอนโดฯมีการปรับขึ้นราคาเกิดจากปัจจัยต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้น