Cr. เดลินิวส์ และ K-Expert
3 มิถุนายน 2557
หลาย ๆ คนอาจมีคำถามว่า เวลาขอสินเชื่อบ้าน ทำไมธนาคารต้องให้เราทำประกันด้วย แล้วถ้าไม่ทำ ได้หรือไม่ คำตอบคือ ประกันที่ธนาคารให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำนั้นมี 2 ประเภท โดยมีทั้ง “ประกันที่ต้องทำ” และ “ประกันที่ควรทำ” ค่ะ
“ประกันที่ต้องทำ” เนื่องจากผู้ที่ขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารต้องนำบ้านที่ซื้อมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดังนั้น ธนาคารจะให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านต้องทำ “ประกันอัคคีภัย” เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวบ้าน โดยทั่วไปจะให้ความคุ้มครองกรณีไฟไหม้ ฟ้าผ่า ภัยระเบิด ภัยจากการถูกรถชนโดยอากาศยาน หรือยานพาหนะ ภัยเนื่องจากน้ำ รวมถึงการโจรกรรม เป็นต้น ซึ่งค่าเบี้ยประกันประเภทนี้ไม่ได้สูงมากนัก โดยทั่วไปอยู่ที่ปีละประมาณ 0.35% ของราคาบ้าน หรือประมาณ 3,500 บาทต่อราคาบ้าน 1 ล้านบาท ทั้งนี้ ค่าเบี้ยประกันภัยอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของบ้านหรือสิ่งปลูกสร้าง ค่าเบี้ยประกันอัคคีภัยมักจ่ายเป็นแบบปีต่อปี แต่เราสามารถซื้อเป็นแบบราย 2 ปี หรือ 3 ปีก็ได้ ซึ่งจะมีส่วนลดค่าเบี้ยประกันให้ด้วย
สำหรับ “ประกันที่ควรทำ” ก็คือ “ประกันชีวิต” ซึ่งประกันชีวิตที่ธนาคารแนะนำให้ผู้ขอสินเชื่อบ้านทำไว้ เป็นประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาเพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินของผู้ขอสินเชื่อ ต้องบอกว่าประกันประเภทนี้ ธนาคารไม่ได้บังคับว่าผู้ขอสินเชื่อบ้านจะต้องทำ โดยจะทำหรือไม่ก็ได้ และหากไม่ได้ทำประกัน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะไม่สามารถขอสินเชื่อบ้านได้ เพราะโดยทั่วไป การอนุมัติสินเชื่อบ้านจะขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของรายได้ ความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ ประวัติการผ่อนชำระหนี้ที่ผ่านมา เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่แนะนำว่า ผู้ขอสินเชื่อบ้านควรทำประกันชีวิตไว้ด้วยนั้น เนื่องจากหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับตัวผู้ขอสินเชื่อบ้าน ไม่ว่าเป็นการเสียชีวิต ทุพพลภาพสิ้นเชิงถาวร ครอบครัวหรือคนที่คุณรักจะได้ไม่ต้องแบกรับภาระในการผ่อนชำระหนี้สินบ้านต่อจากคุณ โดยบริษัทประกันจะช่วยปลดภาระหนี้สินบ้านให้ ทำให้บ้านยังเป็นของคนที่คุณรักต่อไป
การทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองภาระหนี้สินจากการขอสินเชื่อบ้าน ค่าเบี้ยประกันจะขึ้นอยู่กับอายุของผู้ขอสินเชื่อ ระยะเวลาความคุ้มครอง และทุนประกัน โดยระยะเวลาคุ้มครอง สามารถเลือกได้ว่าต้องการความคุ้มครองชีวิตนานเพียงใด เช่น 5 ปี 10 ปี จนถึง 30 ปี สำหรับทุนประกัน ขอแนะนำว่า ควรทำทุนประกันไม่น้อยกว่าวงเงินสินเชื่อที่ได้รับจากธนาคาร ทั้งนี้ ทุนประกันหรือความคุ้มครองจะลดลงเรื่อยๆ ตามยอดภาระหนี้สินที่ลดลงตามจำนวนเงินที่ได้ผ่อนชำระสินเชื่อบ้าน
ข้อดีของการทำประกันชีวิตดังกล่าว นอกจากจะเป็นการคุ้มครองภาระหนี้สินแล้ว ค่าเบี้ยประกันซึ่งชำระเพียงครั้งเดียวนั้น ยังสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท โดยใช้สิทธิลดหย่อนได้ในปีที่ชำระเบี้ยประกัน (สำหรับประกันชีวิตที่มีระยะเวลาความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป) นอกจากนี้แล้ว บางธนาคารหรือบางสถาบันการเงินอาจมีส่วนลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านให้กับผู้ขอสินเชื่อที่ทำประกันชีวิตกับธนาคารด้วย ถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับตัวผู้ขอสินเชื่อค่ะ
สรุปได้ว่า ผู้ที่ขอสินเชื่อบ้านจะต้องทำประกันอัคคีภัยเพื่อคุ้มครองบ้านที่เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ เรียกว่า เป็นประกันที่บังคับว่าต้องทำ แต่สำหรับประกันชีวิต ผู้ขอสินเชื่อบ้านสามารถเลือกได้ว่าจะทำหรือไม่ก็ได้ และไม่มีเงื่อนไขว่า หากไม่ทำ จะขอสินเชื่อไม่ผ่าน แต่การทำประกันจะเป็นการสร้างความมั่นคง และความอุ่นใจให้กับครอบครัวหรือคนที่คุณรักว่า หากเกิดเหตุไม่คาดฝันใดขึ้นกับตัวคุณ ภาระหนี้จะไม่ต้องตกอยู่กับคนที่คุณรัก ดังนั้น ถ้าตัดสินใจกู้ซื้อบ้าน อย่ามองข้ามการทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองคนที่คุณรักนะคะ
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการปรึกษาวางแผนเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับที่ปรึกษาลูกค้าบุคคล ธนาคารกสิกรไทย ได้ที่ [email protected] และ เว็บบอร์ด K-Expert ซึ่งจัดทำขึ้นผ่านทางเว็บไซต์ www.askKBank.com/K-Expert และติดตามข่าวสารการเงินได้ที่ Twitter@KBank_Expert“