เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ชี้ตลาดอสังหาฯภูเก็ตอยู่ในช่วงชะลอตัวทุกกลุ่มสินค้า ยอดสินค้าเหลือขายกว่าหมื่นหน่วย คาดระบายหมดใน 2 ปี โดยคอนโดฯเหลือขายหนักสุดถึง 5 พันหน่วย ส่วนที่ดินเปล่าแบงก์เมินปล่อยสินเชื่อ มั่นใจท่องเที่ยวดีมีโอกาสฟื้น
นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ในการสัมมนา “เศรษฐกิจก้าวหน้า อสังหาฯ ก้าวไกล ภูเก็ต เจาะลึกปัจจุบัน ไล่ให้ทันอนาคต” ซึ่งร่วมกับฐานเศรษฐกิจว่า จากข้อมูล ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/2558 พบว่า ในตลาดมีหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด 1.5 หมื่นหน่วย รวมมูลค่าประมาณ 6 หมื่นล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล โดยมีหน่วยที่ขายได้แล้ว 5 พันหน่วย
โดยลักษณะของโครงการที่เปิดขาย แต่ละโครงการมีขนาดเฉลี่ยประมาณ 80 หน่วย ถือว่าเป็นโครงการขนาดเล็ก ขณะนี้ยังมีจำนวนหน่วยเหลือขายอยู่อีก 1 หมื่นหน่วย คาดว่าหน่วยขายทั้งหมดจะใช้เวลาในการขายไปอีก 18 เดือน ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นระยะที่ค่อนข้างยาว แสดงว่าตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตกำลังชะลอตัวอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ เมื่อแยกวิเคราะห์ตามประเภทของที่อยู่อาศัย พบว่า บ้านเดี่ยวโดยรวมขายได้ช้า คาดว่าสินค้าที่ยังเหลืออยู่ 1.8 พันหน่วย ต้องใช้เวลาขายอีก 2 ปี กลุ่มราคาที่ขายดีคือราคา 5-7 ล้านบาท ขณะที่บ้านแฝด มีหน่วยเหลือขาย 1.6 พันหน่วย แต่อัตราการขายช้ากว่าบ้านเดี่ยว เนื่องจากความนิยมมีจำกัด ในส่วนของทาวน์เฮาส์ ที่ขายดีระดับราคา 2-3 ล้านบาท เหลือขายประมาณ 1.6 พันหน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลา 18 เดือนสินค้าดังกล่าวจึงจะถูกดูดซับ ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ ถือเป็นกลุ่มที่มีสินค้าเหลือขายน้อยที่สุดคือประมาณ 200 หน่วยเท่านั้น สำหรับห้องชุดพักอาศัย มีจำนวนเหลือขายมากที่สุดประมาณ 5 พันหน่วย ขณะที่ที่ดินจัดสรรมีเหลืออยู่ไม่ถึง 60 แปลง แต่ไม่เป็นที่นิยมและไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ เนื่องจากสถาบันการเงินคาดว่าจะขายไม่ได้ ต้องพัฒนาเป็นบ้านพร้อมที่ดิน เช่น บ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ในอนาคต
นอกจากนี้การศึกษายังแบ่งการวิเคราะห์ออกเป็นในแต่ละอำเภอ แต่ละประเภทที่อยู่อาศัย และแต่ละระดับราคา โดยในอำเภอเมือง ห้องชุดพักอาศัยยังขายได้ดีที่สุด แต่ขณะนี้เกิดปัญหาในการโอนทรัพย์สินเช่นกัน ขณะที่ในอำเภอกระทู้ ห้องชุดราคา 3-5 ล้านบาท และ 5-7 ล้านบาท ยังขายได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ในอำเภอถลาง ห้องชุดราคาเกิน 7 ล้านบาทขึ้นไปยังขายได้ดี เนื่องจากผู้ซื้อต้องการซื้อไว้เพื่อการพักผ่อน
“ภูเก็ตถือเป็นเมืองที่มีโครงการที่อยู่อาศัยมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองจากกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและพัทยา ซึ่งปัจจุบันตลาดอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่สถานการณ์ยังไม่ถึงขนาดเลวร้าย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของภาคเอกชน หากการท่องเที่ยวยังเติบโตอย่างมีคุณภาพ ก็จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นกลับมาได้” นายโสภณกล่าว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thansettakij.com/2015/10/14/13544
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3095 วันที่ 11 – 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558