2 บิ๊กอสังหาฯรุมตลาดบ้านหรู สิงห์เอสเตท/เอสซีแอสเสทผุดโครงการรวม 3.8 หมื่นล้าน

Cr. ฐานเศรษฐกิจ 14 กุมภาพันธ์ 2559

1

ตลาดบ้านหรูหอมหวน ” 2 บิ๊กอสังหาฯ” พร้อมใจกางแผนปี59 เดินหน้าลุย “สิงห์ เอสเตท” เล็งเปิดโครงการใหม่อย่างน้อย 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้าน ตั้งเป้ารุกซุปเปอร์ลักชัวรี่เต็มสูบ ด้าน เอสซี แอสเสท ผุด 10 โครงการใหม่ค่า 2.4 หมื่นล้าน ไตรมาสแรกประเดิม 3 โครงการหมื่นล้าน วางเป้ายอดขาย/รายได้ 1.5 หมื่นล้าน

นริศ เชยกลิ่นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)

นริศ เชยกลิ่น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนธุรกิจปี2559 ว่า ตั้งงบลงทุนไว้ที่ 1.88 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งลงทุนในธุรกิจโรงแรมเป็นหลักคิดเป็นสัดส่วน 42% หรือประมาณ 8 พันล้านบาท รองลงมาธุรกิจที่อยู่อาศัย 27% หรือมูลค่า 5.1 พันล้านบาท เน้นกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนซุปเปอร์ลักชัวรี่ และลงทุนในกลุ่มพาณิชยกรรม 20% ส่วนที่เหลืออีก 11% จะลงทุนในกลุ่มธุรกิจใหม่ เช่น คลังสินค้า และโลจิสติกส์

ส่วนธุรกิจที่อยู่อาศัยนั้นมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างน้อย 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นโครงการระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ 3 โครงการ คือ1. โครงการคฤหาสน์หรูบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ราคาเริ่มต้นหลังละ 150 ล้านบาท 2. โครงการคอนโดมิเนียมซุปเปอร์ลักชัวรี่ ภายในพื้นที่โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ เบื้องต้นราคาขายอยู่ที่ประมาณ 3 แสนบาทต่อตร.ม. และ3.โครงการคอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ สูง 49 ชั้น ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าจะมีราคาขายต่อตร.ม.มากกว่า 3 แสนบาท และโครงการที่ 4 อาคารสำนักงานเกรดเอสูง 44 ชั้นและพื้นที่ค้าปลีก บริเวณหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี (สิงห์ คอมเพล็กซ์) อัตราค่าเช่าพื้นที่จะอยู่ที่ประมาณกว่า 1 พันบาทต่อตร.ม.ต่อเดือน ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่ได้ทำสัญญาเช่าระยะยาวในส่วนของพื้นที่ชั้นบนสุดจำนวน 6 ชั้นแล้ว

สำหรับเป้าหมายการดำเนินงานในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้ 7 พันล้านบาท ซึ่งมากกว่าปี 2558 ที่มีรายได้ราว 3 พันล้านบาท โดยรายได้หลักจะมาจากบริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งจะรับรู้รายได้ราว 3-4 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 50% ของสัดส่วนรายได้ นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากสินทรัพย์เดิมที่ได้ลงทุนไป และจากการซื้อสินทรัพย์ใหม่ที่จะเข้ามา

ณัฐพงค์ คุณากรวงศ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ณัฐพงค์ คุณากรวงศ์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ด้าน นายณัฐพงค์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดที่อยู่อาศัยระดับราคามากกว่า 15 ล้านบาท ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยดูได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ของสินค้าระดับบนของบริษัทในปี 2558 ลูกค้าโอนกรรมสิทธ์ด้วยเงินสดมากกว่า 1 ใน 3 ของมูลค่าทั้งหมด และตัวเลขสัดส่วนการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารต่ำกว่า 10% สะท้อนถึงความแข็งแรงของฐานลูกค้า ดังนั้นในปี 2559 บริษัทจึงรุกตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่ต่อเนื่อง โดย 10 โครงการใหม่ที่จะเปิดในปีนี้มีมูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการระดับลักชัวรี่มากกว่า 80%

สำหรับแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2559 ลงทุน 10 โครงการ แบ่งเป็นแนวราบ 8 โครงการ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการแนวราบระดับราคามากกว่า 15 ล้านบาท สัดส่วน 87% ที่เหลืออีก 13% เป็นโครงการบ้านระดับราคาต่ำกว่า 15 ล้านบาท ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคามากกว่า 15 ล้านบาท หรือราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาทต่อตร.ม. ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายและรายได้ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท โดยช่วงไตรมาสแรก นี้จะเปิด 3 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ที่ราชพฤกษ์ – จรัญสนิทวงศ์ และสุขุมวิท ช่วงต้นบางนา-ตราด ราคาเริ่มต้นหลังละ 30-35 ล้านบาทและ คอนโดมิเนียม BEATNIQ สุขุมวิท 32 เป็นอาคารสูง 34 ชั้น จำนวน 197 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาท ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาท หรือ 2.85 แสนบาทต่อตร.ม.

อนึ่ง จากผลการสำรวจโครงการทั้งหมด ณ สิ้นปี 2558 โดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส พบว่า เอสซี แอสเสทฯเป็นบริษัทที่ครองแชมป์บ้านเดี่ยวหรูราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป โดยครองส่วนแบ่งตลาดถึง 20% ทั้งนี้ในปี 2558 เอสซี แอสเสทฯ สามารถขายบ้านเดี่ยวราคา 15 ล้านบาทขึ้นไปจำนวน 83 หน่วย รวมมูลค่าที่ขายได้ 2.46 พันล้านบาท หรือประมาณ 20% ของจำนวนบ้านเดี่ยวในระดับราคานี้ ราคาขายเฉลี่ยหน่วยละ 29.6 ล้านบาท ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา (2558) บ้านเดี่ยวระดับราคานี้ขายได้ทั้งหมด 460 หน่วย รวมมูลค่า 1.21 หมื่นล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,131 วันที่ 14 – 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559