Cr. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 5 มีนาคม 2559
"ทีซีซี แลนด์" ธุรกิจอสังหาฯใต้ปีกเจ้าสัวเจริญ หยุดลงทุนบ้านและคอนโดฯ เก็บที่ดินรอพัฒนาธุรกิจอสังหาฯให้เช่า โหมลงทุนโรงแรม สำนักงาน และศูนย์การค้าทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด รับท่องเที่ยวและตลาดไมซ์โต ลุยเอเชียทีคเฟส 2 ปัดฝุ่นที่ดินย่านนอร์ธปาร์ค ผุด "ออฟฟิศ-คอมเมอร์เชียล-รีเทล" รับรถไฟฟ้าสายสีแดง เร่งวางมาสเตอร์แพลนที่ดินทำเลทอง โรงเรียนเตรียมทหาร เกษตร-นวมินทร์ ชะอำ บางไทร ผุดโครงการมิกซ์ยูสแบบยั่งยืน สนประมูลพัฒนาที่ดินเขตเศรษฐกิจพิเศษรัฐบาลบิ๊กตู่
นายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด บริษัทพัฒนาที่ดินในเครือทีซีซี แลนด์ กรุ๊ปของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทิศทางการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทีซีซี แลนด์ต่อจากนี้ จะไม่เน้นนำที่ดินในพอร์ตมาลงทุนพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบขายขาดอีกต่อไป
หยุดลงทุนบ้าน-คอนโดฯ
โดยจะเน้นอสังหาฯประเภทให้เช่าที่สามารถสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทมากกว่าเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทนำที่ดินติดรถไฟฟ้าพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบขายขาดทำให้เสียที่ดินอยู่ในทำเลที่ดีๆ ไป ขณะที่ปัจจุบันราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้ามีการปรับตัวสูงขึ้นทุกปี ทำให้เกิดความเสียดายที่ดินที่มีอยู่ในมือ
"ตอนนี้เราไม่มีแผนจะลงทุนอสังหาฯขายขาด อาจจะไม่ทำเลยก็ได้ เพราะจากประสบการณ์พัฒนาอสังหาฯบ้านและคอนโดฯที่ผ่านมา ทำให้เสียที่ดินอยู่ในโลเกชั่นดี ๆ ไป เราก็เสียดาย เลยมาเห็นจุดว่าโมเดลนี้จะไม่ใช่แนวของเรา จะเน้นธุรกิจอสังหาฯแบบเช่าดีกว่า ไม่ว่าจะโรงแรม สำนักงาน และศูนย์การค้าทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพราะตัวโครงการเห็นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี เก็บรายได้ในระยะยาวมากกว่า"
รุกนิคมอุตสาหกรรมชายแดน
นายโสมพัฒน์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทีซีซี แลนด์ยังสนใจจะเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจทั้ง 12 แห่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ ขณะนี้อยู่ระหว่างทำรายละเอียดธุรกิจเพื่อเสนอแผนเข้าไปลงทุนต่อรัฐบาล เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และบริษัทก็มีธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมอยู่ในโครงสร้างธุรกิจของบริษัทอยู่แล้ว ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจโรงแรม ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย ศูนย์ประชุมและนิคมอุตสาหกรรม
นางวัลลภา ไตรโสรัส รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ทีซีซี แลนด์ แอสเสท เวิรด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า การที่บริษัทปรับแผนธุรกิจมุ่งธุรกิจอสังหาฯให้เช่ามากขึ้นโดยเฉพาะโรงแรม เนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยวมีการเติบโตค่อนข้างมาก รวมถึงการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติทำให้ตลาดโรงแรมและห้องประชุมสัมมนามีการเติบโตทางธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เน้นอสังหาฯเชิงท่องเที่ยว
ขณะที่ธุรกิจรีเทลได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมบ้างโดยตั้งเป้า5ปีข้างหน้ารายได้จากธุรกิจโรงแรมจะมีรายได้อยู่ที่ 70% ของมูลค่าพอร์ตที่มีอยู่ทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่ 40% หรือมีรายได้ประมาณ 8,000 ล้านบาท (เฉพาะโรงแรมในประเทศ) และอีก 60% เป็นธุรกิจสำนักงานและรีเทล
"โครงการที่อยู่อาศัยเราจะไม่เน้น ตอนนี้จะลงทุนกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวเน้นโรงแรมเป็นหลัก และกลุ่มช็อปปิ้งเน้นท่องเที่ยวที่เป็นโครงการแบบเอเชียทีค มีแผนจะขยายการลงทุนต่อเนื่อง กำลังทำรายละเอียดโครงการ หากชัดเจนจะมีการแถลงข่าวต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้าทางทีซีซี แลนด์เคยแถลงแผนพัฒนาเอเชียทีคเฟส 2 จะสร้างบนที่ดิน 16 ไร่ ติดกับเฟสแรก เป็นโครงการมิกซ์ยูส มีค้าปลีก โรงแรม 300-400 ห้อง และศูนย์ประชุมสัมมนา พร้อมอาคารจอดรถ 1,200 คัน ลงทุน 3,000 ล้านบาท จะก่อสร้างเสร็จปลายปี 2559 จากนั้นจะพัฒนาโครงการเอเชียทีค ไพรม์ 16 ไร่ ที่หัวหินและพัทยา
ส่วนโครงการเอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ฝั่งเจริญนคร พื้นที่ 30 ไร่ ลงทุน 5 พันล้านบาท จะชะลอเป็นเฟสที่ 3 จะพัฒนาเป็นโครงการมิกซ์ยูส มีค้าปลีก โรงแรม 2 โรง และศูนย์การประชุม และสร้างเคเบิลคาร์เชื่อมโครงการริม 2 ฝั่งแม่น้ำเข้าด้วยกัน ขณะที่เฟส 4 มีเนื้อที่ 30 ไร่ ฝั่งตรงข้ามโครงการในเฟสแรก อยู่ระหว่างการออกแบบ
เร่งพิมพ์เขียวที่ดินขนาดใหญ่
นางวัลลภากล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการบนที่ดินขนาดใหญ่ ทางกลุ่มมาสเตอร์แพลน จะเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาโครงการอสังหาฯขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในขณะเดียวกัน เน้นการวางแผนกลยุทธ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีความสมดุลระหว่างธุรกิจสิ่งแวดล้อม และชุมชน ประสานรูปแบบของการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เหมาะสมและเติบโตไปพร้อมกับชุมชนอย่างยั่งยืน ยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างศักยภาพในการแข่งขันกับต่างประเทศด้วย
สำหรับที่ดินอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ที่ดิน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กว่า 1 หมื่นไร่ จะแบ่งการพัฒนาเป็นเฟส เนื่องจากที่ดินเป็นแปลงใหญ่, ที่ดินบริเวณหลังสนามกอล์ฟนอร์ธปาร์คยังเหลืออยู่ประมาณ 200-300 ไร่ มีแผนจะพัฒนาโครงการรูปแบบผสมผสาน ภายในโครงการจะมีออฟฟิศ คอมเมอร์เชียล (พื้นที่ให้เช่า) และอาจจะมีในส่วนของรีเทลไปเสริม จะเป็นโครงการรองรับกับการเปิดใช้รถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) จะเปิดใช้บริการในปี 2562
รวมถึงที่ดินโรงเรียนเตรียมทหารเดิมบนถนนพระราม 4 ที่บริษัทประมูลได้ไปก่อนหน้านี้ เนื้อที่ประมาณ 88 ไร่ อยู่ระหว่างทำรายละเอียดการวางแผนพัฒนาโครงการ เป็นรูปแบบมิกซ์ยูส ประกอบด้วย ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม โรงแรม อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า เป็นต้น
ส่วนที่ดินตรงย่านเกษตร-นวมินทร์ เนื้อที่กว่า 300 ไร่ จะพัฒนาผสมผสาน มีศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้า อยู่ระหว่างออกแบบรายละเอียดโครงการ ขณะที่ที่ดินย่าน อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ประมาณ 3,000 ไร่ อยู่ระหว่างออกแบบพัฒนาโครงการเช่นกัน
เปิดพอร์ตบ้าน-คอนโดฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการอสังหาฯแบบขายขาดที่กลุ่มทีซีซี แลนด์พัฒนาโครงการในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการเดอะรอยัล เรสซิเดนท์ บนถนนเกษตร-นวมินทร์ เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โคโรเนียลและลักเซอรี่ 79 ยูนิต บนที่ดิน 76 ไร่
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมมีแอทธินี เรสซิเดนท์ จำนวน 212 ห้อง และเพนต์เฮาส์ 7 ห้อง, โครงการเอ็มไพร์เพลส สาทร จำนวน 493 ยูนิต โครงการนอร์ธปาร์คเพลส โครงการวิลล่า ราชเทวี โครงการวิลล่า ซอยราชครู โครงการวิลล่า สาทร โครงการวิลล่า อโศก และโครงการ S&S สุขุมวิท 101/1