Cr: ประชาชาติธุรกิจ 17 พฤศจิกายน 2558
เมกะโปรเจ็กต์รัฐ-เขตเศรษฐกิจพิเศษ บูมอสังหาฯต่างจังหวัด "เกียรตินาคิน-ศูนย์ข้อมูล ธอส." เปิดทำเลดาวรุ่งหัวเมืองหลัก หัวเมืองรอง เมืองท่องเที่ยว และค้าชายแดนยังครองแชมป์ ส่วน "บุรีรัมย์" เมืองแห่งสีสัน ชี้แนวราบตลาดเติบโตสูง "บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด" ราคาไม่เกิน 3 ล้าน ตอบโจทย์ลูกค้าภูธร ส่วนคอนโดฯซัพพลายบางทำเลยังน่าห่วง ต้องใช้เวลาระบายสต๊อก
ประเมินกันว่าปี 2559 พื้นที่จังหวัดในภูมิภาคมีโครงการระบบคมนาคมขนส่งพาดผ่านและมีพื้นที่ติดชายแดน จะเป็นดาวเด่นมีศักยภาพต่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองที่ต่อไปประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯอีกต่อไปแล้ว
ปี′59 เมกะโปรเจ็กต์เริ่มตอกเข็ม
ตามแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งระยะเร่งด่วนกว่า 20 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท จึงส่งผลในปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเริ่มก่อสร้างโครงการใหญ่หลังเริ่มตั้งไข่มานานนับปี ทั้งรถไฟฟ้า 10 เส้นทาง มีโครงข่ายเป็นใยแมงมุมเชื่อมใจกลางกรุงเทพฯกับจังหวัดปริมณฑลกระจาย 4 มุมเมือง
โครงการรถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง จะเปิดการพัฒนาใหม่ ๆ ภาคเหนือจดใต้ ยังมีโครงการรถไฟความเร็วปานกลางหรือรถไฟไทย-จีน จะเชื่อมการขนส่งสินค้าและการเดินทางจากภาคอีสานปลายทางที่ จ.หนองคายผ่านขอนแก่น นครราชสีมา ไปยังท่าเรือมาบตาพุด และขนคนเข้ามายังกรุงเทพฯ รวมถึงรถไฟความเร็วสูงระบบชินคันเซ็นจะเชื่อมการเดินทางกรุงเทพฯกับกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวภาคเหนือผ่านนครสวรรค์ พิษณุโลก สุโขทัยไล่ขึ้นไปถึงปลายทาง จ.เชียงใหม่ และรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯไปหัวเมืองท่องเที่ยวที่พัทยา-ระยอง และหัวหิน
เชื่อมภูมิภาค-บูมเขต ศก.พิเศษ
นอกจากนี้ มีรถไฟเชื่อมการค้าแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกกับตะวันตก จะมีกรุงเทพฯเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อไปยังภาคตะวันตกที่ "กาญจนบุรี" ที่ถูกกำหนดเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจ และอนาคตจะเชื่อมกับเขตเศรษฐกิจทวายประเทศเมียนมา กับด้านตะวันออกช่วงบนไปยัง "สระแก้ว" อีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเชื่อมกับประเทศกัมพูชา และต้นปีหน้าการปรับปรุงเส้นทางรถไฟจากคลองลึก-ปอยเปตจะแล้วเสร็จ
ขณะที่แนวด้านล่างจะไปเชื่อม "ท่าเรือแหลมฉบัง" ที่อนาคตจะเป็นแลนด์บริดจ์เชื่อมท่าเรือน้ำลึกทวายกับท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ยังมีมอเตอร์เวย์อีก 3 เส้นทาง ได้แก่ สายพัทยา-มาบตาพุด, บางใหญ่-กาญจนบุรี และบางปะอิน-โคราช จะเชื่อมการเดินทางกรุงเทพฯไปยังภาคตะวันออก อีสานและตะวันตก รวมถึงท่าเรือและสนามบินมารับการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์) หัวเมืองท่องเที่ยว เช่น สนามบินเชียงใหม่ ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพิจารณาจะสร้างแห่งที่ 2 อาจจะมีมอเตอร์เวย์เชื่อมเชียงใหม่-ลำปาง และวงแหวนรอบที่ 4 เพื่อแก้ปัญหารถติดหลังเมืองขยาย
เกียรตินาคินประเมินไม่แตกต่าง
นายวิศรุต ปัญญาภิญโญผล ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สายสินเชื่อธุรกิจ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทิศทางการลงทุนโครงการอสังหาฯพื้นที่ต่างจังหวัดปี 2559 โครงการแนวราบจะยังไปได้เรื่อย ๆ เพราะมีเรียลดีมานด์ ซึ่งรูปแบบยังคงเป็นบ้านเดี่ยวกับบ้านแฝดระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทที่ตอบโจทย์ลูกค้า ขณะที่คอนโดมิเนียมยังล้นตลาดในบางทำเล เพราะที่ผ่านมามีบริษัทรายใหญ่เข้าไปลงทุนโครงการใหญ่มาก ต้องใช้เวลาดูดซับ
เปิดโผ 16 จังหวัดน่าลงทุน
สำหรับจังหวัดที่น่าลงทุน คาดว่าจะใกล้เคียงกับข้อมูลที่บริษัทเคยสำรวจไว้ก่อนหน้านี้มี 16 จังหวัด เพราะที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่มีการลงทุนที่ชัดเจน แต่ปีหน้าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมและเออีซีจะเปิดด้วย ดังนั้น จึงยังเป็นพื้นที่มีศักยภาพและน่าลงทุน แต่อาจจะมีบางจังหวัดต้องใช้เวลาบ้าง
แยกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. "กรุงเทพฯและปริมณฑล" มี 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรปราการ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเขตเมืองและการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นทาง
2. "หัวเมืองใหญ่" มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พิษณุโลก ขอนแก่น และชลบุรี จะได้ประโยชน์จากการเติบโตของเขตเมือง การค้า การลงทุน ท่องเที่ยว และการเป็นจังหวัดสำคัญเชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง (GMS)
3. "ด่านชายแดน" มี 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา เชียงราย ตาก มุกดาหาร หนองคาย และกาญจนบุรี ได้รับประโยชน์ที่เป็นพื้นที่แนวชายแดนจะมีกิจกรรมการค้าและการลงทุนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การเป็นจังหวัดบนเส้นทางคมนาคมขนส่งประเทศลุ่มแม่น้ำโขง GMS ภาครัฐกำหนดเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเป็นเมืองท่องเที่ยว
"ปีหน้าอสังหาฯตลาดภูมิภาคในส่วนของจังหวัดหลักและจังหวัดรอง ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีโอกาสเติบโต ส่วนใหญ่เป็นตลาดบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดราคาประมาณ 3 ล้านบาท ส่วนทาวน์เฮาส์จะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดใหญ่ ๆ สำหรับที่อยู่อาศัยแนวสูงยังต้องรอการดูดซับในปี′58-59 ก่อน" นายสัมมากล่าว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1447670956