ตลาดคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไพรม์ในย่านธุรกิจใจกลางกรุงเทพฯ และลอนดอน เป็นหนึ่งในกลุ่มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อระดับอภิมหาเศรษฐีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ ไพรม์เพื่อใช้อยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่สอง ขณะที่อุปสงค์ด้านคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไพรม์ในทั้งสองเมืองนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้ราคาขายเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดตามไปด้วย
นายแฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร หัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ระบุว่า คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไพรม์ในกรุงเทพฯ เติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา โดยคอนโดกลุ่มนี้ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในปี 2008 จากการเปิดตัวโครงการ เดอะสุโขทัย เรสซิเดนเซส (The Sukhothai Residences) ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสาทร นับว่าเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไพรม์แห่งแรกในประเทศ
"ราคาขายโดยเฉลี่ยของคอนโดมิเนียมสุดหรูในกรุงเทพฯ ในย่านศูนย์กลางธุรกิจได้ไต่ระดับขึ้นจาก 184,000 บาทต่อตารางเมตร ไปจนถึงเกือบ 400,000 บาทต่อตารางเมตรในช่วงกลางปี 2015 ที่ผ่านมา" นายข่านกล่าวและว่า การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาขายคอนโดหรูเหล่านี้ มีสาเหตุหลักมาจากการขาดแคลนที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทหรูหราบนอาคารสูงในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นย่านสุขุมวิท ราชดำริ สีลม สาทร ศาลาแดง หลังสวน เพลินจิต ชิดลม หรือถนนวิทยุ ดังนั้น โครงการใดๆ ก็ตามที่จะเปิดตัวในพื้นที่เหล่านี้ จะต้องเป็นคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพรม์หรือระดับไฮเอนด์ จึงทำให้ราคาขายสูงตามไปด้วย
ปัจจุบันตลาดซูเปอร์ไพรม์มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพียงร้อยละ 1 ของตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เท่านั้น จากโครงการรวมทั้งหมดจำนวน 8 โครงการ ทั้งนี้ ผลการวิจัยจากไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ชี้ว่าอุปทานคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ไพรม์ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2015 นั้น มีจำนวนทั้งหมด 1,541 หน่วย หากเปรียบเทียบกับจำนวนเพียง 196 หน่วยในปี 2008 โดยย่านลุมพินีนำหน้าย่านศูนย์กลางธุรกิจอื่นๆ ในกรุงเทพฯ ในด้านอุปทานที่สูงที่สุด ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 33 หรือ 508 หน่วยจาก 1,541 หน่วย ตามมาด้วยย่านสาทร คิดเป็นร้อยละ 25 สุขุมวิท ร้อยละ 22 และย่านริมแม่น้ำเจ้าพระยา ร้อยละ 20
ทั้งนี้ ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพรม์มักวางจุดขายของโครงการระดับหรูนี้ให้เป็น "สินค้าไลฟ์สไตล์" ที่มีบริการเต็มรูปแบบหรือเทียบเท่ากับบริการจากโรงแรมระดับ 5-6 ดาว
นายข่านกล่าวว่า คอนโดมิเนียมเหล่านี้มีขนาดกว้างขวางและหรูหรา ราคาขายต่อหน่วยเริ่มต้นที่ 15-20 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 2-3 ห้องนอน ก่อนหน้านี้ในช่วงปี 2013- 2014 มีบางโครงการที่สร้าง คอนโดหรูหราประเภท 1 ห้องนอน
อย่างไรก็ตาม คอนโดดังกล่าวมีขนาดที่กว้างขวาง โอ่อ่าเท่าเทียมกันและตั้งอยู่ในอาคารสูง คอนโดมิเนียมซูเปอร์ไพรม์เหล่านี้มีสิ่ง อำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส พร้อมพื้นที่จอดรถที่กว้างขวาง โดยส่วนมากจะ ได้รับการบริหารจัดการโดยเครือโรงแรมระดับ 5 ดาว จุดเด่นของโครงการคือความสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นส่วนผสมที่สำคัญ ของความหรูหราระดับซูเปอร์ไพรม์ เพราะ ผู้ซื้อมองหาความสะดวกสบายในการเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสากล โรงเรียนนานาชาติ รวมทั้งแหล่งร้านอาหารและร้านค้าช็อปปิ้งระดับไฮเอนด์ เป็นต้น
"ตลาดคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ ไพรม์ในกรุงเทพฯ จะไม่ได้รับผลกระทบ จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในช่วงปลายปี 2015 หากแต่เออีซีจะช่วยกระตุ้นตลาดการเช่าที่อยู่อาศัยให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการย้ายถิ่นฐานของผู้คนในภูมิภาคเพื่อเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ และต้องการที่จะเช่าที่พักอาศัยตั้งแต่ระดับเกรด B+ ถึงเกรด A" นายข่านสรุป
ที่มา : หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และ REIC 3 พฤศจิกายน 2558