อสังหาฯ "สิงคโปร์" ล้นทะลัก ออฟฟิศบิลดิ้งร้าง-ราคาดิ่ง

Cr. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 4 กุมภาพันธ์ 2559

9

การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลสะเทือนต่ออุปสงค์อุปทานของธุรกิจเกือบทั่วโลก รวมไปถึงธุรกิจอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศสิงคโปร์ ที่อาคารสำนักงานในย่านชานเมืองหลายแห่งถูกทิ้งร้าง เนื่องจากผู้เช่าหลายรายเห็นโอกาสในการย้ายสำนักงานไปสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองมากขึ้น จากราคาที่ลดลง

รายงานจากทูเดย์อ้างอิงข้อมูลจากไนต์แฟรงก์ (Knight Frank) ที่ระบุว่า ค่าเช่าอาคารสำนักงานเกรดเอในย่านธุรกิจใจกลางเมืองสิงคโปร์เมื่อช่วงปลายปี 2558 อยู่ที่ราว 8-12.8 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตารางฟุต ขณะที่พื้นที่รอบๆ ย่านธุรกิจมีราคาอยู่ที่ราว 7.50-11.90 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตารางฟุต ขณะที่ราคาค่าเช่าพื้นที่ในย่านชานเมืองอยู่ที่ราว 4.40-8.10 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตารางฟุต ราคาค่าเช่าสำนักงานในย่านธุรกิจในกลางเมืองสิงคโปร์ที่ถูกลงนี่เอง ทำให้บริษัทหลายแห่งเลือกไปเช่าสำนักงานในย่านที่สามารถติดต่อธุรกิจได้ คล่องตัวมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น หลายบริษัทยังย้ายสำนักงานจากตึกเก่าไปสู่ตึกใหม่ในย่านทำเลทอง เช่น บริษัทท่องเที่ยว 2 รายใหญ่ เช่น เอ็กซ์พีเดีย (Expedia) และฟราโกมัน (Fragoman) ที่ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อาคารเซาท์ บีช เทาเวอร์

นายเดสมอนด์ ซิม หัวหน้าศูนย์วิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของซีบีอาร์อี (CBRE) ระบุว่า "การแข่งขันในด้านคุณภาพ ก่อให้เกิดช่องว่าง โดยอาคารที่เสียเปรียบในการแข่งขันมากที่สุด มักเป็นพวกที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกตรงตามความต้องการของลูกค้าและอาคารเก่าๆ"

ราคาอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มสำนักงานให้เช่าที่ลดต่ำลงในสิงคโปร์ เป็นผลลัพธ์โดยตรงจากอุปทานที่ล้นเกิน โดยนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ถูกภาพลวงตาของเศรษฐกิจจีน ที่คาดว่าจะสดใสและเติบโตได้ที่อัตรากว่า 9% ทุกปี หลอกไว้เสียอยู่หมัด ทำให้เกิดการลงทุนในการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

โดยในปัจจุบันประเมินว่า สิงคโปร์มีอาคารสำนักงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีพื้นที่อาคารสำนักงานที่ถูกทิ้งร้างรวมเป็นพื้นที่กว่า 7 ล้านตารางฟุต ในขณะที่ภาคธุรกิจซึ่งเป็นลูกค้าผู้เช่าอาคารสำนักงาน เริ่มประสบภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะธุรกิจในภาคการเงินและการธนาคารระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของอาคารสำนักงานในสิงคโปร์ ที่ไม่มีแนวโน้มจะขยายธุรกิจ ขณะที่บางแห่ง เช่น บาร์เคลย์ ธนาคารรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ยังมีแผนเตรียมลดการจ้างงานในเอเชีย

นายนิโคลัส มัก ผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษา เอส แอล พี อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแตนต์ (SLP International Property Consultants) ประเมินว่า ราคาค่าเช่าอาคารสำนักงานในสิงคโปร์ปีนี้ น่าจะชะลอตัวราว 10-15% ด้าน บลูมเบิร์ก ชี้ว่า ราคาค่าเช่าอาคารสำนักงานน่าจะร่วงลงถึง 10-20% ในปีนี้ จากที่ปีที่แล้วชะลอตัวลงถึง 15% นอกจากนี้ การแข่งขันทางด้านราคาและกลยุทธ์ดึงดูดใจ เช่น การเพิ่มระยะเวลาให้เช่าจะเข้มข้นมากขึ้น

ข่าวร้ายอีกอย่างของภาคอสังหาริมทรัพย์ คือ สิงคโปร์มีแนวโน้มที่จะมีพื้นที่สำนักงานทิ้งร้างมากขึ้นจากเดิม ในช่วงต้นปีนี้ที่มีอยู่ที่ราว 9.5%โดยหนึ่งในสัญญาณที่เห็นได้ชัด คือการทำสัญญาเช่า อาคารตันหยง ปาการ์ ที่จะก่อสร้างเสร็จสิ้นในปีนี้ด้วยความสูง 290 เมตร จะเป็นตึกที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ มีพื้นที่สำนักงานคิดเป็นกว่า 890,000 ตารางฟุต แต่เพิ่งมีคนทำสัญญาเช่าสำนักงานได้เพียง 10% เท่านั้น

นายคู สวี ยง ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เซ็นจูรี่ 21 (Century 21) ระบุว่า "ซัพพลายอาคารสำนักงานให้เช่าอยู่ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่บริษัทซึ่งเป็นลูกค้าผู้เช่าสำนักงานส่วนใหญ่กำลังลดขนาดและควบรวม กิจการ รัฐบาลควรจะเข้ามาควบคุมการใช้พื้นที่ให้ดีกว่านี้ ไม่ว่าสภาพบรรยากาศการลงทุนจะเป็นอย่างไร เพราะไม่ควรลงทุนมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในแง่ดีอาจหมายความว่า ยิ่งมีพื้นที่เหลือใช้มากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ควบคุมราคาได้ดียิ่งขึ้น"

สอดคล้องกับทิศทางความเห็นของบลูมเบิร์ก ที่ประเมินว่า ภาครัฐบาลสิงคโปร์น่าจะไม่เข้ามาแทรกแซงราคาค่าเช่าอาคารสำนักงาน เพราะยิ่งมีพื้นที่สำนักงานร้างมากขึ้น ค่าเช่าสำนักงานก็จะยิ่งถูกลง ต้นทุนการประกอบธุรกิจในสิงคโปร์ก็จะยิ่งต่ำลง อันเป็นส่วนดีที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการลงทุนให้กับสิงคโปร์