อสังหาฯ-แบงก์จัดแคมเปญรับมาตรการกระตุ้น เพอร์เฟคจับมือ กรุงไทย-ธนชาตงัดดอกเบี้ยตํ่าคงที่ 3% นาน 30 เดือน ดันยอดขายใหม่เพิ่ม 2 เท่า “แสนสิริ-เอพี” คืนกำไรจัดเต็มฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอน กรุงไทย จ่อชงบอร์ดจัดดอกเบี้ยพิเศษให้กู้สูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท เคแบงก์ปรับกลยุทธ์รองรับดีเวลอปเปอร์ที่ต้องการโอนบ้านจำนวนมากให้ทัน-บริการลูกค้าถึงที่ ไทยพาณิชย์ “กู้ล้านผ่อนเดือนละพัน”
หลังจากที่รัฐบาลได้คลอดมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการลดค่าธรรมเนียมการโอน-ค่าจดจำนองลงมาอยู่ที่อัตรา 0.01%จากที่คิดในอัตรา 2% และ 1% ของราคาประเมินตามลำดับ เป็นเวลา 6 เดือน และให้นำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ได้ถึง 20% ของราคาบ้านไม่เกิน 3 ล้านบาทเป็นเวลา 5ปี ขณะที่มาตรการการเงิน ได้ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) นำร่องผ่อนเกณฑ์ปล่อยกู้ โดยผู้กู้สามารถกู้ได้สูงสุดถึง 3 ล้านบาท หากมีรายได้สุทธิต่อเดือนที่ 3 หมื่นบาท จนได้รับความสนใจมีประชาชนยื่นขอกู้ทั่วประเทศต่อวันสูงถึง 1 พันล้านบาท
ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้สร้างความตื่นตัวให้กับตลาด ดังจะเห็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับสถาบันการเงินจัดแคมเปญระบายสต๊อกและกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการสินเชื่อในช่วงที่มาตรการอสังหาริมทรัพย์ยังบังคับใช้
คาดกำลังซื้อคึกคักจบลงแค่ Q1ปีหน้า
ขณะที่นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN กล่าวถึงบรรยากาศตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังภาครัฐประกาศมาตรการกระตุ้นว่า ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดมากนัก เนื่องจากยังไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงมหาดไทย โดยคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์หลังประกาศ จึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างชัดเจน ส่วนตัวมองว่ามาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะสั้นที่อาจทำให้ตลาดคึกคักได้เพียงไตรมาส 4/58 ต่อเนื่องไตรมาส 1/59
ธอส.ย้ำผ่อนเกณฑ์ DSRเพิ่มโอกาส
ด้านนางอังคณา ปิลันธน์โอวาทไชยมนัส กรรมการผู้จัดการ ธอส. กล่าวกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า 2 วัน มีประชาชนยื่นคำขอสินเชื่อแล้วจำนวน 4 พันรายวงเงินรวมกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งประชาชนมีโอกาสใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม2558 – 18 ตุลาคม 2559 ส่วนการจะเพิ่มวงเงินสินเชื่อจาก 1 หมื่นล้านบาท ในทางปฏิบัติอาจต้องรอเวลาประเมินผลการตอบรับสัก 2 สัปดาห์ ก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการธอส. โดยปัจจุบันธอส.มีส่วนแบ่งตลาด 25% แต่ละปีมีฐานลูกค้าเพิ่มประมาณ 1.2-1.3 แสนราย และการที่รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จะเป็นการช่วยสานฝันให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตัวเองอย่างยั่งยืน”
“โครงการนี้ธอส. ได้ผ่อนเกณฑ์โดยพิจารณาสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio หรือ DSR) เพิ่มขึ้นเป็น 40-50% ของรายได้สุทธิต่อเดือน จากเดิมอยู่ที่สัดส่วน 33.33% ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าทั่วไปหรือลูกค้าที่ถูกปฏิเสธจากสถาบันการเงินอื่น หากมาที่ธอส.ก็จะดูว่าหากรายได้สุทธิถึง 3 หมื่นบาทก็สามารถกู้ได้สูงสุด 3 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้เพียง 1.8 ล้านบาท กรณีมีรายได้สุทธิ 2 หมื่นบาท ก็จะกู้ได้สูงถึง 2 ล้านบาทจากเดิมกู้ได้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาผ่อนสูงสุดที่ 30ปี
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thansettakij.com/2015/10/22/14726
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3098 วันที่ 22 – 24 ตุลาคม พ.ศ. 2558