เน็กซัสชี้ห้องชุดไฮเอนด์ตลาดอืด แพงเว่อร์ชนชั้นกลางเอื้อมไม่ถึง

Cr. ประชาชาติธุรกิจ 1 เมษายน 2559

เน็กซัสประเมินตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพฯเหลือขาย 5.4 หมื่นหน่วย ปี 2559 คาดซัพพลายเพิ่มอีก 5 หมื่นหน่วย มองเซ็กเมนต์ไฮเอนด์น่ากังวล ผู้ซื้อระดับกลางเอื้อมไม่ถึงขณะที่เศรษฐีเลือกห้องชุดลักเซอรี่ ด้านราคาเฉลี่ยชะลอการเติบโตเหลือ 7% เหตุคอนโดฯต่ำ 1.2 แสนบาท/ตร.ม.ราคาชนเพดาน

นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการบริหาร บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ซัพพลายห้องชุดคอนโดมิเนียมสะสมในปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวน 4.47 แสนยูนิต เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2557 ในขณะที่ยอดขายรวมมี 3.93 แสนยูนิต ทำให้มีจำนวนหน่วยเหลือขาย 5.4 หมื่นหน่วย หากไม่มีซัพพลายใหม่คาดว่าจะขายหมด 1 ปี ด้านอัตราดูดซับสะสมคิดเป็น 89% ขณะที่อัตราดูดซับเฉพาะคอนโดฯเปิดใหม่คิดเป็น 59%

ส่วนปี 2559 คาดว่าจะมีซัพพลายคอนโดฯใหม่เพิ่ม 5 หมื่นหน่วย ใกล้เคียงกับปี 2558 แบ่งเป็น 1.ระดับลักเซอรี่ ราคา 2.5 แสนบาท/ตร.ม.ขึ้นไป 500 หน่วย 2.ระดับไฮเอนด์ ราคา 1.5-2.5 แสนบาท/ตร.ม. ยูนิตละ 5-12 ล้านบาท ประมาณ 5,000 หน่วย และ 3.ระดับซิตี้คอนโด ราคา 5 หมื่น-1.2 แสนบาท/ตร.ม. ยูนิตละ 1-5 ล้านบาท ประมาณ 4 หมื่นหน่วย

ด้านดีมานด์และซัพพลายของตลาดคอนโดฯลักเซอรี่กับซิตี้คอนโดจะเติบโตควบคู่กันไป ที่น่ากังวลคือตลาดคอนโดฯไฮเอนด์ ซึ่งซัพพลายยังเพิ่มขึ้น แต่ดีมานด์อาจไม่ขยับเพิ่ม การขายจะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการเพราะผู้ซื้อในตลาดนี้เป็นนักลงทุน 50-75% ซึ่งมองว่ามีดีมานด์กลุ่มซื้ออยู่เองมารองรับได้มากน้อยเพียงใดในอนาคต 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนกลุ่มซื้ออยู่เองก็อาจมีกำลังซื้อลดลงเพราะราคาต่อ ตร.ม.ของห้องชุดกลุ่มนี้สูงขึ้นมาก

"ซัพพลายคอนโดฯไฮเอนด์น่าจะเพิ่มขึ้น และราคาแพงขึ้นตามต้นทุนที่ดิน แต่ดีมานด์จะเริ่มลด เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่อยู่ตรงกลาง ผู้ซื้อทั่วไปมีกำลังซื้อไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต แต่คอนโดฯกลุ่มนี้ราคาเกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิตแล้ว ส่วนกลุ่มลูกค้าระดับบน ถ้ามองฟังก์ชั่นห้องชุดมีพื้นที่ใช้สอยเพียง 30-60 ตร.ม.เท่านั้น แนวโน้มจะสนใจเลือกซื้อห้องชุดระดับลักเซอรี่เลยมากกว่า" นางนลินรัตน์กล่าว

ด้านราคาเฉลี่ยตลาดคอนโดฯ ปี 2558 อยู่ที่ 1.06 แสนบาท/ตร.ม. ปรับเพิ่ม 10% จากราคาเฉลี่ยของปี 2557 อยู่ที่ 9.6 หมื่นบาท/ตร.ม. ส่วนปี 2559 คาดว่าราคาจะเพิ่มขึ้น 7% สาเหตุที่เติบโตชะลอลง เพราะราคาซิตี้คอนโดน่าจะปรับขึ้นได้ไม่เกิน 5% ถือว่าเป็นราคาสูงสุดที่ลูกค้ามีกำลังซื้อแล้ว