โดย ทีมข่าวเศรษฐกิจ นสพ.มติชนรายวัน
ปลายสัปดาห์ก่อน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นัดหารือกับกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยยื่นข้อเสนอให้เอกชนเข้าร่วมพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อยราคาไม่เกิน 5-6 แสนบาทต่อยูนิต โดยดำเนินการผ่านการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่อยู่ระหว่างจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (ปี 2559-2568) พอดี คาดว่าจะพัฒนาที่อยู่อาศัยให้ผู้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2.7 ล้านยูนิต รองรับผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ 2.7 ล้านครัวเรือน วงเงินลงทุนรวมกว่า 6.8 แสนล้านบาท
ลดดบ.ช่วยคนจนได้ตรงจุด
สำหรับวิธีการช่วยเหลือคนจนที่จะได้ประสิทธิภาพคือ การลดอัตราดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่น เงินผ่อนบ้านงวดแรก 90% เป็นการผ่อนดอกเบี้ยอีก 10% ถึงเป็นเงินต้น ถ้าลดดอกเบี้ยลง ภาระของผู้มีรายได้น้อยก็จะลดลงด้วย
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย มองว่าสินเชื่อบ้านเป็นสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะบ้านหลังแรก เพราะหนี้ก้อนแรกที่คนทั่วไปเลือกจะจ่ายคือค่าผ่อนบ้าน แต่หากเป็นบ้านหลังที่ 2 ความเสี่ยงจะมีมากขึ้น อาจมีการทิ้งบ้าน ไม่ผ่อนต่อ
แม้ในแง่หลักการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย รัฐจะวาดฝันไว้สวยหรู แต่ยังต้องติดตามต่อไปว่า หากเกิดขึ้นจริงจะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด จะซ้ำรอยกับเหตุการณ์บ้านเอื้ออาทรที่ต้องมาตามเช็ดตามล้างอีกหรือไม่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1445843424