โดย ฐานเศรษฐกิจ - 9 พฤศจิกายน 2558
การออกมาประกาศ ราคาประเมินที่ดินใหม่สำหรับ ช่วงปี 2559-2562 ของ กรมธนารักษ์ สร้างความฮือฮาอย่างมาก โดยระบุว่าราคาประเมินที่ดินใหม่ทั่วประเทศปรับขึ้น 25% โดยเฉลี่ย ส่วนเขตกรุงเทพมหานคร ปรับขึ้นเฉลี่ย 15.75% โดยเฉพาะราคาประเมินที่ดินแนวรถไฟฟ้าที่สร้างความฮือฮามาก เนื่องจากปรับขึ้นสูงสุดถึง 75% ขณะที่ราคาประเมินที่ดินเขตปริมณฑลขยับขึ้นถ้วนหน้าเช่นกัน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ราคาประเมินใหม่ปรับขึ้นอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน
ราคาประเมินใหม่ที่ กรมธนารักษ์ ประกาศออกมามีจุดที่ต้องไฮไลต์อยู่ 3 ส่วนคือ 1. แนวรถไฟฟ้า 2. เขตเศรษฐกิจพิเศษ และ เมืองท่องเที่ยว (ดูตารางประกอบ) โดย ราคาประเมินแนวรถไฟฟ้าได้รับความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากอยู่ในเขตเมืองและเกี่ยวข้องกับราคาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมว่าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน
คำถามดังกล่าว ผู้ประกอบการ และนักวิเคราะห์ด้านอสังหาริมทรัพย์ มีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ โดยกลุ่มแรกเชื่อว่า ราคาประเมินใหม่ จะส่งผลต่อราคาที่อยู่อาศัยแน่นอน ผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่รายหนึ่งมองว่า ราคาที่ดิน(แนวรถไฟฟ้า) อาจปรับขึ้น 20 % และผู้ประกอบการอีกรายเชื่อว่า ราคาบ้านจะปรับขึ้นอย่างน้อย 5 %
ส่วนกลุ่มหลัง หรือ กลุ่มที่ ไม่เชื่อว่าราคาประเมินใหม่จะมีผลต่อราคาที่ดินอย่างทันควัน โดยให้เหตุผลไว้ 3 ประการว่า 1. ราคาประเมิน เป็นเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ในการจัดเก็บภาษีที่ดิน หรือ ภาษีมรดก 2. ราคาประเมินไม่ได้สะท้อนราคาตลาด ที่ผ่านมาราคาที่ดินปรับขึ้นแซงราคาประเมินไปแล้ว
ตัวอย่าง ราคาที่ดินโซนกลางเมือง (แนวรถไฟฟ้า) ขยับขึ้นราว 10% ต่อปี มาตั้งแต่ปี 2555 ที่ผ่านมาราคาที่ดินแนวรถไฟฟ้า สุขุมวิท-สีลม-สาทร มีการซื้อ-ขายจริงราว 180,000 บาทต่อตารางวา แล้ว และ 3. ข้อมูลที่สำรวจมากำหนดราคาประเมินใหม่ใช้ข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่แล้ว
แม้ข้อถกเถียงข้างต้นอยากจะชี้ขาด แต่ตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อราคาที่ดินหลังราคาประเมินใหม่ประกาศใช้คือ สภาวะเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจสดใส ความต้องการในตลาดอสังหาฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สต๊อกที่คงค้างในระบบถูกซึมซับออกไป แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้า 2559 จะสดใสกว่าปีนี้ เช่นที่หลายสำนักออกมาคาดการณ์หรือไม่เท่านั้น
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,103 วันที่ 8 – 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558