นายชูศักดิ์ ศรีอนุชิต ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรมที่ดิน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบการแก้ไขกฎหมายแพ่ง ในมาตรา 309 จัตวา กรณีการขายทอดตลาดห้องชุดของกรมบังคับคดี โดยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแจ้งต่อนิติบุคคลอาคารชุดและนิติบุคคลบ้านจัดสรร เพื่อรายงานหนี้สินค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระเพื่อออกหนังสือรับรองการปลอดหนี้ภายใน 30 วัน หากขายทอดตลาดห้องชุดหรือบ้านจัดสรรนั้นได้ ให้กรมกันเงินส่วนที่ขายทอดตลาดไปชำระหนี้ค้างนั้นก่อน เจ้าหนี้ และให้สามารถทำการโอนกรรมสิทธิ์นั้นได้ ซึ่งแนวทางดังกล่าวถือเป็นผลดีต่อการบริหารจัดการอาคารชุด เพราะจะมีเงินจากการชำระหนี้ค้าง และมีการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดที่ถูกบังคับคดีให้มีผู้อยู่อาศัยใหม่ ทำให้สามารถเก็บค่าส่วนกลางมาบริหารโครงการได้ อาคารชุดนั้นก็จะมีสภาพที่ดีและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้กรมบังคับคดีได้เสนอแก้กฎหมายแพ่งในมาตราดังกล่าว ในกรณีนำอาคารชุดมาขายทอดตลาด ไม่ต้องเอาหนังสือรับรองการปลอดหนี้มาแสดงในการโอนกรรมสิทธิ์ เนื่องจากที่ผ่านมาการขายทอดตลาดห้องชุดจะติดปัญหาที่มีหนี้ค่าใช้จ่ายส่วนกลางค้างอยู่ทำให้การขายทอดตลาดทำได้ยาก โดยมีห้องชุดที่ค้างอยู่ที่กรมบังคับคดีจำนวน 1.4 หมื่นหน่วย มูลค่า 6.2 หมื่นล้านบาท แต่ถ้าแก้กฎหมายโดยใช้แนวทางดังกล่าวจะทำให้นิติบุคคลอาคารชุดและบ้านจัดสรรที่มีการเพิ่มเติมในภายหลังมีโอกาสที่จะไม่ได้รับการชำระหนี้ ที่ค้างชำระอยู่ ซึ่งจะส่งผลเสีย ต่อนิติบุคคลอาคารชุดนั้น เพราะ ที่ผ่านมาก็มีปัญหาในการจัดเก็บ ค่าใช้จ่ายส่วนกลางที่จะนำมาใช้ในการบริหารโครงการอยู่แล้ว จึงได้มีการหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง จนมีข้อสรุปให้มีการแจ้งรายการหนี้ภายใน 30 วัน หากสามารถขายทอดตลาดได้ให้นำมาชำระหนี้ค้างก่อนชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้
"หลังจากผ่าน ครม.จะเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หากผ่านก็จะประกาศใช้ได้ ซึ่งหากกฎหมายบังคับใช้ตามแนวทางนี้ กรมจะเตรียมอัพเดทชื่อที่อยู่ของนิติบุคคลทั้งหมด เพื่อให้กรมบังคับคดีสามารถส่งหนังสือไปถึงได้ ขณะที่นิติบุคคลอาคารชุดก็จำเป็นต้องรู้หน้าที่ตัวเองจัดทำบัญชีหนี้ค้างชำระเตรียมไว้ หากกรมบังคับคคีส่งหนังสือมาขอจะได้จัดทำได้ทันทีไม่เกินเวลาที่กำหนดไว้ 30 วัน" นายชูศักดิ์ กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ 26 มิถุนายน 2558