หุ้นไทยไร้ปัจจัยหนุน เสี่ยงร่วงแตะ 1,430 จุด

downtrend

นายเผดิม สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานการจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย เปิเผยว่า แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงไตรมาส 2 ดัชนีมีโอกาสปรับลดลง ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ยังไม่เห็นภาพการเติบโตมากนัก ขณะที่การบริโภคยังซบเซา การลงทุนภาครัฐล่าช้ากว่ากำหนด การส่งออกของไทยในปีนี้อาจจะไม่เติบโตเลย

นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นไทย มีแนวโน้มปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 ภายหลังจากบริษัทจดทะเบียนเริ่มจ่ายเงินปันผลและเป็นช่วงของการปรับพอร์ตนักลงทุน ที่จะเริ่มขายหุ้นในช่วงดังกล่าวโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะลดลงไปทดสอบที่ 1,430 จุด มีความเป็นไปได้ เป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นก่อนที่จะถึงรอบของการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 แต่ในระยะถัดไปสิ่งที่ต้องระวังคือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ อาจกดดันให้เม็กเงินต่างชาติไหลออกได้ 

บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยง ทั้งความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ และสิ่งที่ต้องจับตาคือความเห็นของประธานเฟด ในการประชุมวันที่ 28 - 29 เม.ย. ว่าจะมีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ และปัญหาการเงินของกรีซที่ยังไม่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องเงินช่วยเหลือรอบใหม่ รวมถึงปัจจัยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์

ตลาดการเงินไทยในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินทุนต่างชาติไหลเข้ามาเหมือนกับประเทศอื่น ที่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ในทางตรงกันข้าม ตลาดทุนไทยกำลังต้องการเงินทุนต่างชาติเพื่อเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุน เนื่องจากปัจจุบันนักลงทุนในประเทศมีบทบาทในตลาดทุนมาก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนมากเกินไป

ความเสี่ยงภายในประเทศ คือการปรับลดประมาณการ จีดีพี หลังจากตัวเลขการส่งออก 2 เดือนต่ำกว่าคาด และกำไรสุทธิในปี 2558 ยังมีโอกาสปรับตัวลดลงในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และการบริโภคภายในประเทศ อีกทั้งความเสี่ยงจากความผิดหวังเกี่ยวกับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุด และเริ่มเห็นว่านักลงทุนเริ่มสะท้อนความผิดหวังมากขึ้น จากราคากลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ปรับลดลง 14%

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยการเมืองไทยที่เริ่มจะมีน้ำหนักกับตลาด หลังจากร่างรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จในเดือน เม.ย. และส่งใช้ สปช.พิจารณาภายในเดือน ส.ค. คาดว่าสาระสำคัญในร่างรัฐธรรมนูญจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างมากขึ้น และจะกระทบทิศทางการเงินในปี 2559

อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่ามูลค่าที่เหมาะสมของตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 1,390-1,460 จุดเท่านั้น อ้างอิงจากกำไรต่อหุ้นของปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 100-105 บาทต่อหุ้น โดยให้เป้าหมายระดับคาดการณ์ราคาปิดกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 13.9 เท่า แต่โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 1,650 จุด มีโอกาสเกิดขึ้นได้

นายสันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงเดือน มี.ค. นักลงทุนในประเทศมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 64% จากเดือนก่อน 62% และเป็นเดือนแรกที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิหุ้นไทยในระดับ 2,741 ล้านบาท โดยภาพของตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยมีระดับราคาพี/อีล่วงหน้าอยู่ที่ 15 เท่า ลดลงจากครั้ง่กอน 17 เท่า ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับน่าสนใจลงทุน

สำหรับมูลค่าการซื้อขายต่อวัน ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท การหมุนของหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 88 รอบ จากเดือนก่อนที่ 33 รอบ สะท้อนมุมที่ดีที่นักลงทุนสามารถเข้าซื้อและขายหุ้นได้ง่ายขึ้น

ที่มา หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอังคารที่ 7 เมษายน 2558