Cr. ฐานเศรษฐกิจ 19 พฤศจิกายน 2558
กูรูอสังหาฯ ชี้”ทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม”คึกคัก จ่อขึ้นแท่นดาวรุ่งที่อยู่อาศัยปี 59 ตลาดรวมปี58มีมูลค่าถึง 6.7 หมื่นล้าน เหตุเป็นสินค้าเรียลดีมานด์ ฐานตลาดใหญ่ “พฤกษา”เจ้าตลาดคาดปีนี้ภาพรวมเติบโต 22% เล็งโกยยอดขายกว่า2หมื่นล้าน ด้านเอพี ลั่นปีหน้าลุยเปิดร่วม 10 โครงการค่ากว่า 7 พันล้าน ขณะที่สัมมากร โดดลงสนามผุดโครงการแรกย่านรามอินทรา
นายอิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์และที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ”ถึงภาพรวมของตลาดทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม ว่ายังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นสินค้าที่ต้องการอยู่อาศัยจริง โดยพิจารณาจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ย้อนหลังที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์ใกล้เคียงกับคอนโดมิเนียม แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นและหายากขึ้น จากผลของกฎหมายผังเมืองที่ระบุสีผังให้สามารถพัฒนาทาวน์เฮาส์ได้ไม่มาก ทำให้มีโครงการทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮมออกสู่ตลาดในปริมาณน้อย และมีราคาสูงกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีรายได้ระดับปานกลาง-ล่าง จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ลูกค้าหันไปซื้อบ้านมือ 2 แทน หากต้องการอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางสะดวกสบาย เนื่องจากมีราคาถูกกกว่าบ้านใหม่
“ราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นและกฎหมายผังเมืองที่จำกัดการพัฒนาโครงการ ส่งผลให้โครงการทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮมที่พัฒนาใหม่มีราคาเพิ่มขึ้น จากเดิมราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท สำหรับแบบ 2 ชั้น เป็นระดับราคา 3-4 ล้านบาทในแบบ 3-4 ชั้น เพื่อให้คุ้มกับราคาที่ดินและค่าพัฒนาโครงการ หรือถ้าต้องการอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพก็ต้องยอมซื้อบ้านมือ 2 แทน ซึ่งแนวโน้มความต้องการของทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮมยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน”
ด้านนายปิยะ ประยงค์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดทาวน์เฮาส์/ทาวน์โฮม คาดว่าในปี 2558 จะมีอัตราการเติบโตจากปี 2557 ประมาณ 22% คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท จากเดิมในปี 2557 มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 5.6 หมื่นล้านบาท และในปี 2559 อัตราการเติบโตคาดว่าจะอยู่ที่ 10% เหตุผลที่ทำให้ตลาดทาวน์เฮ้าส์/ทาวน์โฮม ระดับราคา 2-5 ล้านบาทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะกลุ่มลูกค้าหลักที่มีรายได้ 3-7 หมื่นบาทต่อเดือนเป็นกลุ่มพนักงานบริษัทที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก เนื่องจากมีรายได้ประจำ ซึ่งในส่วนของบริษัทคาดว่าปีนี้จะมียอดขายส่วนของทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้น อยู่ที่ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท จากเดิมปี 2557 มียอดขาย 1.8 หมื่นล้านบาท อัตราการเติบโตประมาณ 30% สำหรับสัดส่วนรายได้ของกลุ่มทาวน์เฮาส์นี้คิดเป็น 48% ของรายได้รวมของบริษัท
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้บริโภคมองที่อยู่อาศัยในเมืองเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ในเมือง เพราะต้องการลดระยะเวลาการเดินทาง แต่ยังต้องการอารมณ์ของบ้าน จึงทำให้ทาวน์เฮาส์ในเมืองเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าทาวน์เฮาส์นอกเมืองก็ตาม เนื่องจากราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยทาวน์เฮาส์ในเมืองมักมีราคาเริ่มต้นที่ 6 ล้านบาทขึ้นไป
สำหรับการเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ในปี 2558 เป็นไปตามแผนที่วางไว้คือเปิดทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยที่ประมาณ 20-30% ซึ่งถือเป็นยอดขายที่น่าพอใจ โดยในปี2559 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ใกล้เคียงกับปีนี้คือ 9-10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 7-8 พันล้านบาท จุดเด่นคือเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งชุมชน มีการบริหารจัดการออกแบบและก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพ พื้นที่การใช้สอยเทียบเท่าบ้านเดี่ยว
ส่วนนายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการเก็บรวบรวมข้อมูลตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วง 8 เดือน ปี 2558 (ม.ค.-ส.ค.58) พบว่า จำนวนหน่วยจดทะเบียนที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2557 โดยมีบ้านแฝดและทาวน์เฮาส์เป็นแรงผลักสำคัญ เนื่องจากเป็นสินค้าของผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริงและมีราคาไม่สูงมากนัก สำหรับผู้มีรายได้น้อย-ปานกลาง ซึ่งเป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของประเทศ
จากอัตราการเติบโตของสินค้าในกลุ่มแนวราบ ประกอบกับความต้องการขยายกลุ่มลูกค้า บริษัทจึงมีแผนพัฒนาโครงการทาวน์โฮม ถือเป็นโครงการแรกของบริษัท ซึ่งจะพัฒนาย่านรามอินทรา-วงแหวน มูลค่าโครงการประมาณ 1 พันล้านบาท ในช่วงปลายปี 2558 ต่อเนื่องปี 2559 ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2 ล้านบาทแบบ 2 ชั้น แบบ 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท และปี 2559 เตรียมเปิดโครงการทาวน์โฮมจำนวน 2 โครงการในพื้นที่กรุงเทพฯโซนเหนือ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thansettakij.com/2015/11/19/18498
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,106 วันที่ 19 – 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558