Cr. ฐานเศรษฐกิจออนไลน์ 28 ธันวาคม 2558
ปี 2558 ถือเป็นอีกปีที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์วิตกกังวล สืบเนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปพัฒนาโครงการระดับบนมากขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้าที่พอมีกำลังซื้อ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยสินค้าระดับบน แต่ด้วยจำนวนลูกค้าที่มีจำกัดจึงหนีไม่พ้นที่จะต้องลงมาทำสินค้าระดับกลาง แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องและต้องเสี่ยงต่อปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนก็ตาม ส่งผลให้ในไตรมาส 3 ตลาดยังคงซบเซา
ภาครัฐต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับภาคธุรกิจอื่น ผ่านมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ลดค่าจดจำนองจาก 1% มาอยู่ที่ 0.01% ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ซื้อบ้านราคา ไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยลดหย่อน 20% ของมูลค่าบ้านที่ซื้อระยะเวลา 5 ปี และความช่วยเหลือด้านสินเชื่อผ่านธนาคารออมสินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในช่วงต้นไตรมาส 4 (29 ต.ค.58)
พฤกษา คาดตลาดรวมโต 15%
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในรอบ 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.58) ขนาดตลาดอสังหาฯกรุงเทพฯ-ปริมณฑลอยู่ที่ประมาณ 2.55 แสนล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2557 ประมาณ 19% คิดเป็นมูลค่า 2.14 แสนล้านบาท คาดการณ์ว่าทั้งปี 2558 ขนาดตลาดจะอยู่ที่ประมาณ 3.37 แสนล้านบาท เติบโตกว่าปี 2557 ประมาณ 15% โดยในปี 2557 มูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 2.93 แสนล้านบาท ส่วนของบริษัทพฤกษาในรอบ 9 เดือน มียอดขาย 3.44 หมื่นล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่ประมาณ10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2557 และมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 3.32 หมื่นล้านบาท โตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า 9.3% โดยคาดว่าสิ้นปีบริษัทจะสามารถทำยอดขายและรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 4.7 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปี 2557 ที่มียอดขาย 3.9 หมื่นล้านบาท และรายได้ 4.2 หมื่นล้านบาท
แอล.พี.เอ็น ชี้คอนโดฯ เปิดขายใหม่ลดลง 15%
ด้าน นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ LPN คาดว่าปี 2558 จะมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ลดลง 10-15% หรือ 6 หมื่น – 6.5 หมื่นหน่วย เมื่อเทียบกับปี 2557 ถึงแม้จำนวนหน่วยของอาคารชุดจะลดลงจากปีที่ผ่านมา แต่มูลค่าสูงขึ้น เนื่องจากสัดส่วนการเปิดตัวโครงการในระดับราคามากกว่า 2 ล้านบาทสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา (ปี 58=64%/ ปี 57=48%) และห้องชุดระดับบนที่มีราคามากกว่า 3 ล้านบาท ขายดีกว่ากลุ่มตลาดกลาง-ล่าง
ส่วนของยอดโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 50% หรือ 6.5 หมื่น-7 หมื่นหน่วย เนื่องจากเป็นโครงการที่เปิดตัวในปี 2556 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปิดตัวถึง 8.5 หมื่นหน่วย ทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2558 ส่วนใหญ่จะแล้วเสร็จช่วงไตรมาส 4/58 เกือบ 3 หมื่นหน่วย โดยห้องชุดจดทะเบียนส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคากลาง-ล่าง สอดคล้องกับระดับราคาห้องชุดเปิดตัวในช่วงปี 2555-2556
โดยคิดเป็นยอดโอนของบริษัท 20% จากยอดโอนกรรมสิทธิ์ปี 2558 ส่งผลให้ยอดรับรู้รายได้ของบริษัทช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 1.25 หมื่นล้านบาท มากกว่ารายได้ 9 เดือนของปี 2557 ประมาณ 1 พันล้านบาท หรือมากกว่ารายได้ทั้งปีของปี 2556 คาดเป้ารับรู้รายได้ทั้งปี 2558 อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดขาย 10 เดือนอยู่ที่ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นของโครงการเปิดขายใหม่ประมาณ 3 พันล้าน ที่เหลือเป็นยอดขายจากโครงการเก่าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างก่อสร้างจำนวน 1 หมื่นล้าน คาดว่าสิ้นปีบริษัทจะสามารถทำยอดขายได้ 1.6 หมื่นล้านบาท
เอสซี ย้ำตลาดบนดีต่อเนื่อง
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ คาดการณ์ช่วงต้นปีต่ำสุดที่ 2.5% และสูงสุดประมาณกว่า 3% แต่จากตัวเลขจีดีพี 9 เดือน อยู่ที่ 2.9% และคาดว่าจบปีตัวเลขจะไม่เปลี่ยนไปจากนี้ ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย ปัจจัยบวกมีเรื่องของเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐ การท่องเที่ยวซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวช่วยเศรษฐกิจของประเทศ และเรื่องต้นทุน ซึ่งเป็นต้นทุนค่าก่อสร้างที่ถูก อัตราดอกเบี้ยถูก น้ำมันถูก ทั้ง 3 เรื่องคือปัจจัยบวกปี 2558 ส่วนปัจจัยลบคือ หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น แต่ก็มีอัตราการชะลอตัว แต่เอ็นพีแอลของประเทศเริ่มเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณกว่า 2% ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง กระทบต่อบรรยากาศการซื้อ-ขายภาคอสังหาฯ
“อสังหาฯปี 2558 เป็นปีที่ดีของเซ็กเมนต์ราคาแพง ทั้งนี้จากตัวเลขโครงการเปิดขายใหม่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ช่วง 9 เดือน พบว่า มีอัตราการเติบโตในเชิงมูลค่า 22% ขณะที่จำนวนหน่วยลดลง 4% เนื่องจากเป็นการเติบโตในกลุ่มสินค้าราคาแพง จึงทำให้จำนวนหน่วยลดลง ในส่วนของตลาดบ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตอย่างมากในรอบหลายปี คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2557 ส่วนสินค้าระดับอื่นไม่ค่อยมีการเติบโต ขณะที่คอนโดฯโตทั้งในส่วนของมูลค่าและจำนวนหน่วย โดยคอนโดฯระดับราคามากกว่า 5 ล้านบาท มีมูลค่าการเติบโต 2.5 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2557”
ส่วนของบริษัท บ้านราคามากกว่า 15 ล้านบาทขายดีในช่วง 2 ไตรมาสแรกปี 58 และชะลอตัวลงในไตรมาส 3 แต่เมื่อรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ตลาดก็กลับมาอีกครั้งในไตรมาส 4 ยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อ(รีเจ็กต์) ก็เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน อยู่ที่ 7% ถือว่าสูง เมื่อเทียบกับช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยปกติยอดรีเจ็กต์ของบริษัทจะอยู่ที่ 5% แต่ถ้าเทียบยอดรีเจ็กต์ของบริษัทกับอุตสาหกรรมถือว่ายังต่ำ สถานการณ์วันนี้คือบ้านราคาสูงขายได้ดี แต่ขนาดตลาดไม่ได้ใหญ่มาก บ้านระดับราคากลางก็ยังมีคนออกมาซื้อกันอยู่ แต่อัตรากู้ผ่านน้อยลง
สำหรับเป้ายอดขายและรายได้ในปี 2558 นั้นคาดว่าเป้ายอดขายอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท เป้ารายได้อยู่ที่ 1.39 หมื่นล้านบาท เพราะหลังจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯออกมา เมื่อเทียบยอดโอนเดือนตุลาคมกับพฤศจิกายน พบว่ายอดโอนเดือนพฤศจิกายนโตประมาณ 104% ในส่วนของยอดขายก็เช่นเดียวกัน โดยยอดขาย ณ ไตรมาส 3/58 อยู่ที่ประมาณ 850-900 ล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ไตรมาส 4/58 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1.1 พันล้านบาทต่อเดือน ถ้าเทียบยอดจองเฉลี่ยใน 2 ไตรมาส มีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 30%
ชาญอิสสระ ชี้โชคดีมาตรการรัฐช่วย
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2558 แม้จะมีปัจจัยลบจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ค่อนข้างทรงตัว แต่ยังมีอัตราเติบโตที่ดีประกอบกับนโยบายของภาครัฐในเรื่องของการลดค่าธรรมเนียมการโอนอยู่ที่ 0.01% ถือว่าเข้ามาช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้
สำหรับบริษัท ถือว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีรายได้สิ้นสุดไตรมาส 3 อยู่ที่ 1,456 ล้านบาทเติบโตกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ไตรมาส 3/2557) โดยตั้งเป้าปี 2560 บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้จะมาจากโครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศ 40% โครงการที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ 48% และรายได้ประจำจากการบริหารโรงแรมและโครงการธุรกิจให้เช่า 12%
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,115 วันที่ 27 – 30 ธันวาคม พ.ศ. 2558