ถึงจุด ศก.ไทยโตน้อยสุดในอาเซียน นายแบงก์-นักธุรกิจทำใจ "ไม่กู้-ไม่จ่าย-ไม่ลงทุน"

thai gdp

 

บทความพิเศษ ศัลยา ประชาชาติ  มติชนสุดสัปดาห์

โดยปกติแล้ว การขยับเข้าสู่ไตรมาส 4 หรือไตรมาสสุดท้ายของปีจะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของทุกปีสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภคจะใช้จ่ายรับเทศกาลต่างๆ ท้ายปี ทว่า ไตรมาส 4 ของปี 2558 กลับกลายเป็นช่วงเวลาลุ้นระทึกของผู้ประกอบการ นักธุรกิจ นักลงทุน ฯลฯ

เพราะเมื่อพิจารณาองค์ประกอบรอบด้านแล้ว ดูเหมือนจะยังไม่มีใครกล้า "มั่นใจ" ว่าช่วงเวลาที่เหลือ 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะพลิกกลับมาเป็นโอกาสทองของภาคธุรกิจต่างๆ ที่จะเร่งเครื่องสุดๆ เพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันเป้าหมายทั้ง "ยอดขาย" และ "กำไร"

แม้ก่อนหน้านี้จะมีสัญญาณบวกเล็กๆ จากการที่รัฐบาลเพิ่งเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจโดยมี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" นั่งรองนายกรัฐมนตรีเป็นแม่ทัพหลัก พร้อมรัฐมนตรีว่าการด้านเศรษฐกิจหลายกระทรวงสำคัญๆ ซึ่งน่าจะฟื้นความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมกลับมาดีขึ้น

แต่เพิ่งเริ่มต้นลุยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปได้ไม่เท่าไหร่รายงานจากธนาคารโลกหรือเวิร์ลด์แบงก์ก็คาดการณ์ออกมาเป็นผลเชิงลบต่อโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง นั่นคือนอกจากตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยปี2557ที่ต่ำสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน (0.9%) แล้ว ธนาคารโลกยังมองไปข้างหน้าอีกว่า ในปี 2558 และ 2559 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยน่าจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.5% และ 2%

ซึ่งก็จะยังคงรั้งท้ายเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศในอาเซียนอยู่ดี

สัญญาณที่มาจากการคาดการณ์ของธนาคารโลกยังสอดคล้องกับทรรศนะมุมมองที่บรรดานักธุรกิจ นักลงทุน ให้ความเห็นในการสำรวจเกี่ยวกับโอกาสและแนวโน้มของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2558

สถาบันวิจัยเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (CEO survey) ในตลาดหุ้นไทยจำนวน 106 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 40% ของมูลค่าราคาตลาดโดยรวม ในรอบล่าสุด เกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิจไทยในระยะครึ่งปีหลังที่เหลือนี้ โดยความคิดเห็นของผู้บริหารส่วนใหญ่ ยังให้น้ำหนักทิศทางเศรษฐกิจที่ "แย่ลง" ซึ่งกลับกันจากผลสำรวจในช่วงต้นปี และจะหันมาเน้นการบริหารจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการควบคุมค่าใช้จ่ายและต้นทุนการผลิตมากยิ่งขึ้น ส่วนทิศทางการลงทุนยังมีความสนใจลงทุนอย่างต่อเนื่องแต่จะเพิ่มความระมัดระวังเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพมากขึ้นและไม่ได้เจาะจงเฉพาะแค่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมเท่านั้น

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ให้ความสนใจการ "ซื้อกิจการ" หรือ "ขยายการลงทุน" ซึ่งจะใช้เงินทุนจาก 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่

1. นำกำไรสะสมมาใช้ลงทุนเพิ่ม

2. เงินกู้จากสถาบันการเงิน

3. การระดมเงินด้วยการเสนอขายหุ้นกู้

ที่สำคัญจะไม่เน้นการระดมเงินด้วยการเพิ่มทุน เพราะจะกระทบต่อสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม รวมไปถึงมูลค่าหุ้นที่อาจจะลดลงจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ บอกว่า ตอนนี้มีเวลาทำงานเหลืออีก 3 เดือน ก็มองว่าให้มีความหวังกับเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้จะทำได้ แต่ก็ต้องทำควบคู่ไปกับการบริหารความเสี่ยง เพราะปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดจริงๆ ซึ่งทำให้ต้องคอยมอนิเตอร์สถานการณ์ถี่ขึ้นเป็นราย 2 สัปดาห์ต่อครั้งเลย ซึ่งตอนนี้ก็หวังว่ามเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามา รัฐบาลจะทำผลงานออกมาเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะโครงการลงทุนสาธารณูปโภคต่างๆ

ขณะที่ฝั่งนายแบงก์ "ปรีดี ดาวฉาย" กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เชื่อว่า เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะขยายตัวได้ 2.8% ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้ โดยเป็นผลมาจากภาครัฐทยอยลงทุนโครงการขนาดใหญ่ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) สำหรับเอสเอ็มอี ที่เริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม และในส่วนนี้น่าจะช่วยชดเชยได้บ้างต่อภาคส่งออกที่หดตัวสูง 5%

ค่ายศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC) ก็ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตของจีดีพีประเทศไทยปี 2558 เหลือ 2.0-2.5% และปีหน้า เติบโต 2.5-3% ส่วนภาคส่งออกปีนี้ -4.9% เนื่องจากถูกกดดันจากราคาน้ำมันโลก และราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ รวมถึงผลกระทบทางอ้อม จากการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจจีน แต่คาดปีหน้าขยายตัว 2% เนื่องจากค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่า จะเป็นแรงส่งต่อการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรแข่งขันได้มากขึ้น โดยคาดการณ์ค่าเงินบาทในปีนี้และปีหน้า มีทิศทางอ่อนค่าบริเวณ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ

พิจารณาจากมุมมองของนักธุรกิจ นายแบงก์ ตลอดจนสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจทั้งหลาย ก็คงพอประเมินสถานการณ์ที่ยังคงไม่ราบรื่นสำหรับเศรษฐกิจไทยได้ค่อนข้างชัดเจน และยังคงเป็นโจทย์สำคัญสำหรับการปรับตัวในช่วงไตรมาสสุดท้ายรวมไปถึงการปรับแผนวางเป้าหมายกันใหม่ในปี 2559 อีกด้วย

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444579679
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 11 ตุลาคม 2558